หากเดินทางจากใจกลางเมืองเซนไดด้วยรถยนต์ไปประมาณ 25 นาที ก็จะถึงยูริอาเกะ ยิ่งเข้าใกล้มหาสมุทรแปซิฟิกมากเท่าไหร่ จำนวนบ้านเรือนก็จะยิ่งลดลง และจำนวนทุ่งนาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น จนมองเห็นทะเลในที่สุด ก่อนเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกของญี่ปุ่น ที่นี่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 5,000 คน และเคยมีป่าป้องกันลมขนาดใหญ่ แต่คลื่นยักษ์สึนามิกลับพัดพาทุกสิ่งอันตรธานหายไปหมด แต่โชคดีที่ที่นี่มีตลาดที่ยังคงความมีชีวิตชีวาอยู่ นั่นก็คือ “ตลาดเช้าท่าเรือยูริอาเกะ หรือ ยูริอาเกะ มินะโตะ อะสะอิจิ” ก่อนหน้านี้ ตลาดเช้าท่าเรือยูริอาเกะ เคยได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ด้วยความช่วยเหลือจากประเทศแคนาดา จนปัจจุบันกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ได้รับความนิยมในย่านยูริอาเกะ ซึ่งคร่ำคราไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คนท้องถิ่น ในทุกครั้งที่เปิดทำการ ตลาดเช้าแห่งนี้ มีกิจกรรมหลากหลายให้ได้สนุกสนาน ทั้งการประมูลสินค้าขึ้นชื่อในท้องถิ่น และ BBQ อาหารทะเล เป็นต้น

แม้ตลาดเช้าท่าเรือยูริอาเกะ จะเปิดทำการเฉพาะสุดสัปดาห์และวันหยุดราชการ แต่ยังมี “คาวามาจิ เทอเรซ ยูริอาเกะ” ซึ่งเป็นสถานที่เปิดใหม่ใกล้ๆ กับตลาด เมื่อปี 2019 ที่เปิดทำการทุกวัน คาวามาจิ เทอเรซ ยูริอาเกะ มีร้านอาหารและร้านจำหน่ายผักและผลไม้ รวมกันราว 25 ร้าน ที่นี่มีอาหาร เช่น ข้าวหน้าปลาดิบแสนอร่อย, โฮคุเก็งโนะชิราสุ(มีคำอธิบาย ※ 1), สตรอเบอร์รี่, และคามาโบโคะหรือลูกชิ้นปลา ให้ได้ลิ้มลอง หากวันไหนอากาศดี ก็สามารถรับประทานอาหารที่กลางแจ้ง พร้อมกับชมทิวทัศน์ของทะเลไปด้วยได้ ช่วยให้ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก

※1：โฮคุเก็ง หมายถึง ขอบเขตเหนือสุด ที่อนุญาติให้จับปลาและเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตร ก่อนหน้านี้ ขอบเขตการจับปลาชิราสุ(ปลาข้าวสารญี่ปุ่น) ที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่น เคยอยู่ที่เมืองโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ แต่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2016 พื้นที่เซนนัน(พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดมิยางิ) ก็ได้รับอนุญาตจากรัฐบาล จึงทำให้ยูริอาเกะกลายเป็นจุดจับปลาชิราสุ ที่อยู่เหนือสุดของญี่ปุ่นแห่งใหม่ ด้วยเหตุนี้ ปลาชิราสุที่จับได้ที่ยูริอาเกะ จึงถูกเรียกว่า “โฮคุเก็งโนะชิราสุ”

หากมาถึงคาวามาจิ เทอเรซแล้ว ก็ต้องไปเยือน “โรงกลั่นสาเกซาซากิ หรือซาซากิ ฉุโซเต็ง” ที่อยู่ใกล้ๆ กัน “โฮเซน นามิโนะโอโตะ” คือแบรนด์ขึ้นชื่อของโรงกลั่นสาเกซาซากิ ที่ไม่ว่าจะดื่มแบบเย็นหรือแบบร้อน ก็รสชาติดีไม่แพ้กัน โรงกลั่นสาเกซาซากิ ก่อตั้งขึ้นในปี 1871 แต่สำนักงานใหญ่และโรงกลั่นสาเก ได้รับความเสียหายทั้งหมด จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ในภูมิภาคตะวันออกของญี่ปุ่น เลยจำใจต้องผลิตสาเกในโรงกลั่นที่ตั้งขึ้นมาชั่วคราวตั้งแต่ปีถัดมา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การผลิตสาเกของญี่ปุ่น ปี 2019 โรงกลั่นสาเกซาซากิถูกสร้างขึ้นมาใหม่ในที่สุด ปัจจุบันหากไปเยี่ยมชมการผลิต สามารถทดลองดื่มสาเกได้ด้วย “ยูริ” เป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมของโรงกลั่นสาเกซาซากิ เป็นสาเกที่กลั่นในถังกลั่นซึ่งเหลือรอดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ข้าวที่ใช้ทำสาเก ก็เป็นข้าวแบรนด์ “ฮิโตะเมะโบเระ” ที่เพาะปลูกในเมืองนาโตริ เรียกได้ว่าเป็นสาเกแห่งความอัศจรรย์ และเปี่ยมไปด้วยความสำนึกรักในถิ่นที่อยู่