เมื่อเดินทางมาถึง อันดับแรกทุกคนจะได้สัมผัสกับความสวยงามที่ผู้ก่อตั้งมีความใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยพระหัตถ์ขวาขององค์เจ้าแม่กวนอิมถือหินแห่งคำอธิษฐาน (Nyoihouju) ที่ทำให้คำอธิษฐานเป็นจริง พระหัตถ์ซ้ายถือไหน้ำที่เชื่อว่าบรรจุน้ำแห่งอิสระที่คอยปกป้องรักษาทุกคน องค์เจ้าแม่กวนอิมแห่งนี้มีความพิเศษตรงที่สามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในได้ โดยภายในเทวรูปใหญ่เจ้าแม่กวนอิมมีทั้งหมด 12 ชั้น แต่ละชั้นจะมีพระพุทธรูปหลากหลายปาง เริ่มจากชั้นที่ 1 เมื่อลอดผ่านประตูปากมังกรเข้ามา เราจะพบกับเทพพิทักษ์ทั้ง 12 ที่แบ่งตามปีนักษัตรให้ได้สักการะกันตามปีเกิด รวมไปถึงเจ้าแม่กวนอิมขนาดเท่ากับมนุษย์อีกทั้งหมด 33 ปาง ให้สักการะ เมื่อขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 12 เราจะพบกับห้องสีทองอร่ามถือเป็นหัวใจขององค์เจ้าแม่กวนอิมและเป็นที่เก็บหินแห่งคำอธิษฐานซึ่งเป็นนอัญมณีให้โชคลาภสติปัญญาตามความปรารถนาของผู้เดินทางมาสักการะ และยังสามารถชมวิวโดยรอบผ่านทางหน้าต่างที่ชั้น 12 ขององค์เจ้าแม่กวนอิมได้อีกด้วย นอกจากนี้ทั้ง 12 ชั้น ยังประกอบไปด้วยพระพุทธรูปจำนวน 108 ปาง เป็นตัวแทนของกิเลสต่างกันของมนุษย์บนโลก โดยมีความเชื่อที่ว่าถ้ามนุษย์สามารถกำจัดทั้ง 108 กิเลสตัณหานี้ได้ จะสามารถบรรลุเป็นพระโพธิสัตว์ได้

หลังจากอิ่มเอมกับการเยี่ยมชมภายในเทวรูปเจ้าแม่กวนอิม ในวัดไดกันมิตสึจิที่อยู่ทางด้านหลังเจ้าแม่กวนอิมก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยวัดไดกันมิตสึจิมีเอกลักษณ์ในการอธิษฐานเฉพาะตัว เรียกว่า โกมะคิโตะ (Gomakito) ที่สามารถขอพรอะไรก็ได้ โดยที่ระหว่างการอธิษฐานทางวัดจะเผาไม้ชนิดพิเศษ เรียกว่า Gomaki มีความเชื่อว่าเปลวไฟที่ได้จากการเผาไม้ชนิดนี้ จะทำให้คำอธิษฐานศักดิ์สิทธิ์และส่งไปถึงเหล่าเทพ และจะทำให้คำอธิษฐานของผู้อธิษฐานเป็นจริง

สุดท้ายศาลเจ้าอาบุระคาเคะ ไดโคคุเทน (Aburakake Daikoku-ten) หรือที่บูชาเทพเจ้าไดโคคุเทน หนึ่งในเจ็ดเทพแห่งโชคลาภ ที่อยู่ในบริเวณวัดไดกันมิตสึจิเช่นกัน แต่ที่พิเศษคือศาลเจ้าอาบุระคาเคะ ไดโคคุเทนมีวิธีการไหว้อธิษฐานที่แปลกกว่าศาลเจ้าที่อื่น คือให้เอาน้ำมันรดลงไประหว่างการอธิษฐานขอพรที่ศาลเจ้าแห่งนี้ โดยเทพเจ้าไดโคคุเทนมีความศักดิ์สิทธ์มากในการตอบสนองคำอธิษฐานโดยเฉพาะในเรื่องความรักค่ะ