บ่อน้ำพุร้อนคามะซากิ มีชื่อเสียงเรื่องพลังการรักษาบาดแผลอันน่าทึ่ง มีตำนานเล่าขานว่าหลังจากที่อิจิโจ อิจิเบ โชคิจิ ได้แช่น้ำพุร้อนที่นี่เพียงไม่นาน บาดแผลที่เขาได้รับมาตอนทำสงครามก็หายดีเป็นปลิดทิ้ง เมื่อเรื่องราวพลังการรักษาอันน่าทึ่งนี้แพร่สะพัดออกไป ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาเยือนบ่อน้ำพุร้อนคามะซากิอย่างไม่ขาดสาย ยูนุชิ อิจิโจ ก็พลอยได้รับหน้าที่สำคัญในการต้อนรับแขกผู้มาเยือน ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานนี้ด้วย ช่วงปลายยุคไทโช มีแขกมาเยือนเพื่อรักษาโรคด้วยการแช่น้ำร้อนเป็นจำนวนมาก ยูนุชิ อิจิโจ จึงขยายขนาดโรงแรม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเข้าพักที่มากขึ้น ซึ่งอาคารหลักในปัจจุบัน คืออาคารที่ถูกต่อเติมในตอนนั้น เป็นอาคารไม้ 3 ชั้น ที่ไม่ใช้ตะปูเลยแม้แต่ดอกเดียว ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วยวิธีประกอบโครงไม้เข้าด้วยกัน ส่วนผนังดิน, เพดานสูง, กระจกหน้าต่าง เป็นต้น ก็ยังคงเป็นของเดิมในตอนนั้น ถือเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก

ปี 2016 อาคารหลักและอาคารโกดัง ถูกกำหนดให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สามารถจับต้องได้แห่งชาติ ปัจจุบัน อาคารหลักไม่ได้ถูกใช้งานเป็นอาคารที่พักแล้ว แต่ทำหน้าที่ให้บริการร้านอาหารแบบมีห้องแยกส่วนตัว ในการพักค้างแรม จะใช้อาคารอีกหลังที่ถูกปรับปรุงขึ้นมาใหม่ เมื่อปี 2008 อาคารหลักและอาคารรองที่แยกออกมา ถูกเชื่อมเข้ากันด้วยทางเดินที่เรียกว่า “โทคิ โนะ ฮาชิ หรือ สะพานแห่งกาลเวลา” สื่อความหมายว่า เมื่อคุณเดินบนทางเดินแห่งนี้ คุณจะก้าวข้ามผ่านกาลเวลาไปมา ระหว่างยุคสมัยเก่าและยุคสมัยปัจจุบัน ยูนุชิ อิจิโจ ให้บริการห้องพักที่หลากหลาย ตั้งแต่ห้องพักแบบญี่ปุ่น, ห้องพักแบบตะวันตก จนถึงห้องพักแบบญี่ปุ่น-ตะวันตก และยังมีห้องพักแบบหรูหราที่มีบ่อน้ำพุร้อนภายในตัวด้วย แนะนำสำหรับท่านที่ต้องการเพลิดเพลินกับช่วงเวลาในการแช่น้ำร้อนแบบเป็นส่วนตัว

ที่ยุนุชิ อิจิโจ มีบ่อน้ำพุร้อน 2 แบบ คือ “ยาคุโต หรือ บ่อน้ำร้อนที่มีพลังในการบำบัดรักษา” และ “โดคุสึโนะยุ หรือ บ่อน้ำร้อนในถ้ำ” ยาคุโต มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นแหล่งต้นน้ำเดียวกันกับบ่อน้ำพุร้อนคามะซากิ ที่ถูกค้นพบเมื่อปี 1428 ว่ากันว่าในตอนแรก อิจิโจ อิจิเบ โชคิจิ ก็ได้แช่น้ำร้อนที่แหล่งต้นน้ำแห่งนี้ และได้รับขนานนามว่าเป็นบ่อน้ำร้อนที่มีพลังในการบำบัดรักษาอย่างดีเยี่ยมราวกับยา ส่วนโดคุสึโนะยุ มีทิวทัศน์ของป่าอันงดงาม น้ำร้อนมีความอ่อนโยน ไม่ร้อนมากจนเกินไป หลังจากได้แช่แล้วผิวจะนุ่มลื่น จึงว่ากันว่ามีผลในด้านความสวยความงามด้วย โดคุสึโนะยุ ถูกแบ่งออกเป็นบ่อน้ำร้อนแบบเปิดโล่ง และบ่อน้ำร้อนในร่มขนาดใหญ่ ส่วนยาคุโต มีแค่บ่อน้ำร้อนในร่มเพียงอย่างดียว

หลังจากแช่บ่อน้ำพุร้อนเพื่อชำระล้างความเหนื่อยล้าในหนึ่งวันแล้ว แน่นอนว่าท้องก็จะหิว ผู้เขียนจึงเดินผ่านสะพานมืดๆ มาตามคำแนะนำของพนักงาน จนไปถึงอาคารหลักที่งดงาม บริเวณรอบๆ สว่างไสวด้วยแสงไฟสีส้ม อบอวลไปด้วยบรรยากาศในยุคไทโช อาหารมื้อค่ำที่ยูนุชิ อิจิโจ เป็นประสบการณ์การลิ้มลองรสชาติอาหารอย่างแท้จริง “โมริ โนะ บังซัง” เป็นคอร์สอาหารที่รังสรรค์โดย ซาโตะ ฮิเดะโอะ เชฟที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น “ช่างฝีมือต้นแบบของมิยางิ” อาหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย, อาหารจานปลา, อาหารจานเนื้อ ไปจนถึงของหวาน นอกจากวัตถุดิบตามฤดูกาลแล้ว ยังมีการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นอย่างหลากหลาย  รสชาติอาหารโดดเด่นพอๆ กับรูปลักษณ์ จึงไม่แปลกใจที่ได้รับการประเมินสามดาวบวกจากมิชลินไกด์

หากรับประทานอาหารเสร็จแล้วยังไม่อยากกลับไปห้องพัก ก็สามารถเพลิดเพลินกับค็อกเทลได้ที่บาร์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงล็อบบี้เลานจ์ ชั้น 1 ของอาคารรอง ภายในเลาจ์ที่ตั้งใจหรี่ไฟให้มืด เป็นบรรยากาศที่ชวนให้ได้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แสงเทียนบนโต๊ะทำให้ค็อกเทลสูตรพิเศษจากบาร์เทนเดอร์ เปล่งสีสันอันเย้ายวนชวนไม่ให้ละสายตาไปไหน ไม่ว่าจะเดินทางมากับเพื่อน, กับครอบครัว หรือคนรัก คุณก็สามารถใช้เวลายามค่ำคืนอันแสนโรแมนติกได้ ณ ที่แห่งนี้