ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทีม Nippon Steel Corporation ซึ่งเป็นทีมรักบี้ประจำเมืองคามาอิชิ ได้ผลิตนักกีฬาทีมชาติระดับต้น ๆ ของญี่ปุ่นมาแล้วมากมาย ทั้งยังสร้างชื่อระดับตำนานได้ในยุค 1980 ด้วยการทำลายสถิติคว้าแชมป์ระดับประเทศ 7 ปีซ้อนได้สำเร็จ และได้รับสมญานามว่า “มนุษย์เหล็กแห่งภาคเหนือ”

จากเมืองทั้งหมดที่เคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลก คามาอิชิน่าจะเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักน้อยที่สุด แม้ว่าผู้เขียนจะเคยมาเยือนคามาอิชิ แต่ก็ไม่เคยได้เที่ยวเมืองจริง ๆ จัง ๆ สักที เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้เขียนกับเจย์จึงถือโอกาสนี้ไปเที่ยวตะลอนเมืองคามาอิชิ เพื่อสำรวจสิ่งที่น่าสนใจสำหรับแฟน ๆ รักบี้และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

ย่านสนามกีฬา

สนามกีฬาอนุสรณ์สถานแห่งการบูรณะเมืองคามาอิชิ (Kamaishi Recovery Memorial Stadium ) ตั้งอยู่ริมชายฝั่งนอกชานเมือง บนเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่าเขียวขจี ใกล้กับสถานีอุโนะสุไม (Unosumai) อุโนะสุไมเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหว และสึนามิครั้งใหญ่ทางฝั่งตะวันออกของญี่ปุ่น ชุมชนจึงร่วมมือร่วมใจฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้ จนทำให้สถานีอุโนะสุไมกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะแก่การพักผ่อนยามบ่าย

ฝั่งตรงข้ามสถานีอุโนะสุไมเป็นที่ตั้งของอนุสรณ์สถานเหตุการณ์สึนามิ (Tsunami Memorial Hall) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ให้เข้าชมฟรีรวมถึงมีภาษาอังกฤษประกอบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาปรากฏการณ์สึนามิ ตลอดจนผลกระทบที่มีต่อพื้นที่นี้ ถัดจากพิพิธภัณฑ์คือสวนสาธารณะอนุสรณ์สถานเมืองคามาอิชิ (Kamaishi Memorial Park) ซึ่งเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่ตราตรึงใจที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยพบเห็น โดยสวนแห่งนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น และมี 2 กำแพงเหล็กสีดำด้านทอดตัวเป็นรูปทรงโค้งดูน่าเกรงขาม กำแพงด้านบนมีความสูง 11 เมตร ซึ่งเท่ากับความสูงของคลื่นยักษ์สึนามิที่เข้าปะทะพื้นที่จุดนี้ ส่วนด้านล่างเป็นกำแพงโค้งชั้นที่ 2 ราวกับจำลองพื้นที่ใต้น้ำ และมีการสลักชื่อของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์สึนามิลงบนกำแพง

แม้ท้องทะเลจะนำโศกนาฏกรรมมาสู่ดินแดนนี้ แต่ในขณะเดียวก็นำโชคดีมาให้ เพราะถัดจากสถานีรถไฟเราจะพบกับร้าน Shiori ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารทะเลและตลาดจำหน่ายสินค้าในท้องถิ่น โดยเป็นเพียงสถานที่แห่งเดียวในเมือง ที่ชาวประมงในพื้นที่ร่วมกันบริหารดูแลเองกับมือ อาหารทะเลที่นี่จึงมีแต่ของชั้นเลิศและคุ้มค่าแก่การลิ้มลอง เมนูที่เจย์ถูกอกถูกใจมากคือไคเซนด้ง (ข้าวหน้าอาหารทะเล) ซึ่งมีวัตถุดิบที่หลายคนต้องชอบ ไม่ว่าจะเป็นปลาแซลมอนและปลามากุโร่ (ปลาทูน่า) อีกทั้งยังมีวัตถุดิบสด ๆ ที่เจย์ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว นั่นคือหอยเชลล์และอิคุระ (ไข่ปลาแซลมอน)

เมื่อเดินมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกของสนามกีฬาอีกประมาณ 20 นาที เราก็ได้เจอชายหาดเนบามะอันเงียบสงบ  ซึ่งเป็นจุดหมายที่เราจะมาตั้งแคมป์สไตล์หรูหราหรือที่เรียกว่า “แกลมปิ้ง” (Glamping) ตามคำเชิญชวนของคนในท้องที่จากบริษัทนำเที่ยว Wondertrunk & Co. แม้ว่าตอนนี้จะมีเพียงโปรแกรมท่องเที่ยวสำหรับแฟน ๆ รักบี้โดยเฉพาะ แต่ในอนาคตทางบริษัทก็มีแผนที่จะจัดทริปสำหรับนักปีนเขาที่สนใจการเดินป่าในเส้นทางเดินป่าริมชายฝั่งมิจิโนะคุอีกด้วย

การตั้งแคมป์แบบแกลมปิ้งกลายเป็นไฮไลต์ของทริปท่องเที่ยวคามาอิชิเลยก็ว่าได้ ที่นี่มีกิจกรรมนั่งล้อมวงรอบกองไฟเพื่อทานมื้อค่ำร่วมกับแขกคนอื่น ๆ ท่ามกลางบรรยากาศแบบอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยมีเชฟผู้มากฝีมือ คุณทาเคดะ ฮิเดอากิ จากร้าน Blue Corn Café ในเมืองโอฟุนะโตะ ที่เดินทางมาทำอาหารให้เราทานถึงที่ เมนูที่มีก็เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักเนื้อ เพราะมีจานหลักเป็นบาร์บีคิวเนื้อซี่โครงส่วนปลายที่บรรจงย่างบนถ่านไม้ร้อน ๆ นานหลายชั่วโมง เสิร์ฟเคียงคู่กับปูซุไวกานิ (ปูหิมะ) สเต็ก และผักย่าง

“ห้องพัก” ของเราเป็นเต้นท์ขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายกระโจมของชาวมองโกเลีย ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นหญ้าเขียวขจีใกล้กับชายฝั่ง บรรยากาศด้านในเต้นท์ก็ราวกับหลุดออกมาจากฝันของสาว ๆ VSCO ทั้งยังตกแต่งภายในด้วยเตียงผ้ากำมะหยี่ เก้าอี้โยกสีน้ำตาลอ่อนดูหรูหรา . . . แถมยังมีผ้าเช็ดเท้าสีขาวขนเฟอร์! ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณรอบ ๆ ยังมีเทียนโวทีฟประดับประดาอยู่ทั่ว ทำให้ที่พักสว่างไสวไปด้วยแสงเทียนอันอบอุ่น (ใช้เทียนแบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย) แถมยังมีเสียงคลื่นกระทบชายฝั่งเบา ๆ เป็นเสียงดนตรีขับกล่อม

แหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองคามาอิชิ

เนื่องจากศึกการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกปี 2019 มาเยือน ทางเมืองจึงถือโอกาสนี้จัดมุมสำหรับแฟนรักบี้ (Fan Zone) ขึ้นที่ใจกลางเมืองคามาอิชิ ซึ่งใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟคามาอิชิเพียงไม่กี่นาที กิจกรรมนี้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้โดยไม่ต้องใช้บัตร ภายในงานจะมีทั้งห้องจัดนิทรรศการ และโรงหนังกลางแจ้งสำหรับให้นักท่องเที่ยวชมการถ่ายทอดสดรักบี้ชิงแชมป์โลก โดยจุดที่เราชื่นชอบที่สุดคือมุมเล่นเกม ซึ่งจะมีเกมให้เราขว้างและเตะลูกรักบี้เพื่อลุ้นของรางวัล แถมยังมีจุดถ่ายภาพลวงตาสนุก ๆ ให้เราได้โพสต์ท่าราวกับกำลังวางทรัยในสนามคามาอิชิ

สำหรับใครที่อยากมาเที่ยวคามาอิชิเพื่อตามรอยกีฬารักบี้ แต่ไม่สามารถเดินทางมาในช่วงจัดการแข่งขัน ที่นี่ยังมีคาเฟ่รักบี้เมืองคามาอิชิ (Rugby Cafe Kamaishi) ซึ่งจะจัดตั้งแบบถาวรถัดจากสนามคามาอิชิ เพื่อจัดแสดงภาพถ่ายและเหตุการณ์ที่น่าจดจำเกี่ยวกับกีฬารักบี้เมืองคามาอิชิ โดยจะมีจุดถ่ายภาพลวงตาแสนขำขันแบบเดียวกับที่มีในมุมสำหรับแฟนรักบี้

อีกหนึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้นเพียงชั่วคราวพร้อมกับการมาเยือนของฤดูกาลแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกปี 2019 คือ สวนแห่งอนาคต teamLab Future Park ซึ่งจัดโดยกลุ่มคนเดียวกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง “teamLab Borderless” พิพิธภัณฑ์สุดเก๋ที่น่าแชะภาพลง Instagram โดยสวน Future Park แห่งนี้จะมีพื้นที่ให้เหล่าครอบครัวได้วิ่งเล่นผ่านเทคโนโลยีครีเอทีฟใหม่ล่าสุด สำหรับหนึ่งในนิทรรศการที่โดนใจพวกเราที่สุด คือลานสเก็ตที่เต็มไปด้วยลูกบอลเรืองแสงขนาดยักษ์ โดยลูกบอลจะเปลี่ยนสีและส่งเสียงดนตรีทุกครั้งที่เราสัมผัส ทำให้เราได้สนุกกับการกลิ้งบอลเพื่อควบคุมสีและเสียงดนตรีประกอบ

แวะหาของกินใจกลางเมืองคามาอิชิ

ย่านใจกลางเมืองคามาอิชิมีร้านอาหารเนืองแน่นไม่แพ้ในโตเกียวหรือโอซาก้า แถมยังมีร้านอร่อย ๆ ให้เลือกเพียบ สำหรับร้านโปรดของเราได้แก่ร้าน Hikari Shokudo เป็นร้านดังสำหรับคนรักวัตถุดิบในท้องถิ่น ซึ่งมีเมนูในสไตล์ตะวันตกที่ทำจากวัตถุดิบในท้องถิ่นญี่ปุ่น ส่วนเรื่องกาแฟต้องยกให้ร้าน Cafe Kikuyoshi ที่มีกาแฟหอม ๆ ชงด้วยเมล็ดกาแฟจากแหล่งเพาะปลูกเดียว ผ่านการคั่วเองและบดสด ๆ สำหรับกาแฟแต่ละแก้ว และถ้าถามถึงกิจกรรมที่โดนใจสำหรับยามเย็นในคามาอิชิ คงจะหนีไม่พ้นการนั่งจิบสก็อตวิสกี้ชิว ๆ ที่บาร์ Town Hall jazz เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นผู้คลั่งไคล้ดนตรีแจ๊ส เราจึงได้ฟังคอลเลกชันแผ่นเสียงผ่านลำโพงคุณภาพดี และมีขนาดใหญ่ยักษ์จนคนรักแผ่นเสียงต้องกรี๊ดกร๊าด

สำหรับใครที่มาเยือนคามาอิชิเพื่อชมการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกเพียงอย่างเดียว ลองหาเวลาพักต่ออีกสัก 1-2 คืน เพื่อดื่มด่ำกับประสบการณ์ดี ๆ เหล่านี้ ความตื่นเต้นจากการสำรวจเมืองอันคึกคักที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก จะกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ในทริปเที่ยวญี่ปุ่นของคุณ